ฐานข้อมูลศิลปะล้านนา สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง | รายละเอียด

ประเภทเครื่องดนตรีประกอบ
ศิลปะล้านนาปี่จุม
รายละเอียด

“ปี่ชุม” เป็นเครื่องดนตรีที่ทำด้วยไม้ไผ่รวกแดง เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้เป่าประกอบกับการขับซอพื้นเมืองหรือการขับเพลงปฎิพากย์ของชาวล้านนาภาคเหนือตอนบน และเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่มีอยู่เฉพาะภาคเหนือตอนบน ๘ จังหวัด ปี่ชุมนี้ไม่เหมือนกับเครื่องดนตรีชนิดอื่นประเภทเป่าทั้งหลายแหล่เครื่องดนตรีเป่าชนิดอื่น เช่น ขลุ่ย ปี่ มอญ ปี่ ชวา ปี่ แน แคน หรือแม้แต่เครื่องดนตรีสากล ปี่ ชุมนี้ ใช้เป่าร่วมกับการขับซอพื้นเมืองโดยเฉพาะ หรือเป่าเพื่อบรรเลงก็มีบ้าง เดิมทีปี่ชุมนี้ มีประวัติความเป็นมา (ไม่ชัดเจน) จากปี่ เลาเดียวคือจะมีเพียงปี่ก้อยเลา (หรือเล่ม) เดียวตอนนั้นจะเรียกว่า ปี่ก้อย ยังไม่เรียกว่าปี่ชุม ปี่ก้อยนี้เดิมทีจะเป่าประกอบกับการขับเสิน คือการขับซอนี้ คงจะพัฒนามาจากการขับเสิน สำหรับการขับเสินนี้ ทำนองออกจะใกล้เคียงกับทำนองจ๊อยกะโลง (อ่านว่า ก๋าโลง) คนที่ขับทำนองเสินได้ก็ยังพอมี อยู่ที่อำเภอเชียงแสนส่วนมากจะเป็นชาวไทลื้อ ต่อมาได้มีศิลปินได้นำเอาเสินมาพัฒนาเป็นซอทำนองบ่ะเก่ากลาง (อ่านว่าบ่ะเก่าก๋าง) แล้วปรับเปลี่ยนเป็นทำนองตั้งเจียงใหม่ จะปุ หละม้าย และทำนองอื่นฯ แต่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าปี หรือ พ.ศ.ไหน(ข้อมูลจากคุณพ่อศรีมา สันข้าวแคบ) ต่อมาเมื่อมีการพัฒนาเรื่องการขับซอปี่ ก็มีการพัฒนาเช่นกัน จากปี่ก้อยเลาเดียวก็มีปี่กลาง ปี่แม่ติดตามมา จึงมีการเรียกว่าปี่ ชุมตอนนั้นเรียกว่าชุม ๓ ต่อมาก็มีการผลิตปี่เล็กขึ้นมาอีกเรียกว่าปี่ ชุม ๔ และยังมีการทำปี่ก้อยเล็กมาอีก ๑ เลาเรียกว่าปี่ ชุม ๕ ถ้าเป่าประกอบการขับซอก็จะใช้ปี่ ชุม ๔ ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๕ หรือ ๑๖ - ๑๗ ได้มีการนำเอาซึงเข้ามาร่วมประสมวงด้วยและได้ตัดเอาปี่ แม่ออกไปก็คงเหลือ ๓ เลาคือปี่ก้อย ปี่กลาง ปี่เล็ก แล้วเมื่อไม่มีปี่แม่ คำว่าปี่ ชุม ๔ ก็กลับมาเรียกปี่ชุม ๓ เหมือนเดิม

ปี่ชุมนี้แบ่งออกเป็นตามขนาดของปี่ ก็มีอยู่ ๔ ชนิดได้แก่

๑. ปี่แม่ หรือปี่เค้า (อ่านว่า ปี่เก๊า) ปี่แม่หรือปี่เค้านี้ จะมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อนในปี่ชุมเดียวกัน ปี่แม่นี้ จะมีเสียงทุ้มต่ำ เมื่อประสมวงเสียงจะยืนพื้นทำหน้าที่ประสานเสียงเพื่อไม่ให้เสียงของวงออกแหลมมากเกินไป ปี่แม่นี้จะมีรูทั้งหมดอยู่ ๖ รู ระยะของรูจะห่างกันมากหากไม่รู้วิธีเป่าจะนับรูไม่ถึงหรือไม่สนิท การเป่าปี่แม่นั้นจะต้องอมหัวปี่ ไว้ในปากหรือกระพุ้งแก้มหันหน้าเฉลียงไปทางด้านซ้ายประมาณ ๔๐ องศาให้ส่วนปลายของปี่ นั้นหันไปทางด้านขวาระยะประมาณเฉลียง อีก ๔๐ องศา การนับปี่ แม่ที่ถูกต้องมือซ้ายต้องอยู่ด้านบนมือขวาอยู่ด้านล่างและแบ่งนับใช้มือข้างละ ๓ นิ้ว คือนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง เนื่องจากว่าระยะความห่างของรูปี่ แม่ห่างกันมาก ฉะนั้นการนับปี่แม่ควรวางมือแบบเฉลียงเอาโคนนิ้วชี้ ของมือเบื้องซ้ายนับรูแรก ใช้ข้อกลางนิ้วกลางนับรูที่ ๒ ใช้ปลายนิ้วนางนับรูที่ ๓ มือขวาก็ทำหน้าที่เหมือนกันกับมือซ้ายด้วยการเป่าปี่ แม่จะเป่าเพื่อยืนพื้นของทำนองเพลงไม่มีกลเม็ดความยาวของปี่แม่ก็จะยาวประมาณ ๗๐ เซนติเมตรขึ้นไป

๒. ปี่กลาง ปี่กลางนี้เป็นปี่ที่มีขนาดกลางคือใหญ่รองลงมาจากปี่แม่ ความยาวของปี่ ก็ประมาณ ๖๐ ขึ้นไป (ไม่แน่นอนแล้วแต่ระดับเสียงของปี่) ปี่กลางก็มีระดับเสียงขนาดกลางแต่ปี่ กลางมีรูทั้งหมด ๗ รูมากกว่าปี่แม่ ๑ รู วิธีเป่าก็เหมือนกับเป่าปี่ แม่ทุกอย่างเพียงแต่ปี่กลางมี ๗ รู การเป่าจึงใช้มือซ้ายรับหน้าที่นับ ๔ รูข้างบนมือขวารับหน้าที่นับ ๓ รูด้านล่างส่วนการนับปี่กลางนั้นช่างปี่ทุกคนหรือส่วนมากจะใช้ข้อกลางของนิ้วทั้ง ๗ นิ้วนับการเป่าปี่กลางต้องใช้พลังลมเป่าแรงพอสมควรเพราะต้องกระแทกลมเป็นบางครั้งด้วยพร้อมด้วยการใช้ลิ้นแตะเพื่อให้เสียงปี่ออกมาชัดเจนที่สุด ภาษาช่างปี่จะเรียกว่า “ลม – นิ้ ว – ลิ้ น” ฉะนั้นผู้ที่รับหน้าที่เป่าปี่กลางนั้นต้องถือว่าเป็นผู้ที่เก่งและเจนจัดพอสมควร

๓. ปี่ ก้อย คือปี่ ที่มีความยาวรองลงมาจากปี่ กลางความยาวก็ประมาณ ๔๘ เซนติเมตรขึ้นไปหากว่าสั้นกว่านี้ก็จะเป็นที่มีเสียงหรือคีย์สูงมาก ผู้ขับซอจะซอไม่ได้หรือซอได้ก็ไม่นานเสียงจะแหบหรือหายไปเลย ปี่ ก้อยนั้นเป็นปี่ที่มีเสียงขนาดพอดีไม่แหลมเกินไปและไม่ทุ้มเกินไป ปี่ก้อยก็มีรู ๗ รูเหมือนกับปี่กลางทุกอย่าง แต่มีตำแหน่งเสียงไม่เหมือนกันการเป่าหรือนับก็จะไปคนละทางกับการเป่าปี่กลาง ปี่ก้อยเป็นปี่นำของวงคนที่จะเป่าปี่ก้อยได้นั้นต้องมีความเชี่ยวชาญและรู้เรื่องปี่เป็นอย่างดี คือปี่ทุกเลานั้น นับตั้งแต่ปี่แม่ ปี่กลาง ปี่เล็กแม้กระทั่งซึงจะต้องฟังปี่ก้อยเลาเดียว คือฟังปี่ก้อยคือหลักในการเล่นเพลงเปลี่ยนเพลงเปลี่ยนทำนองตอนไหน ปี่ทุกเลาจะคอยเปลี่ยนทำนองตามปี่ก้อย จะต้องรอให้ปี่ก้อยเปลี่ยนเพลงหรือนำเพลงก่อนปี่ทุกเลารวมทั้งซึงถึงจะตามเป็นขบวน แม้แต่ช่างซอหรือนักขับเพลงปฎิพากย์ก็จะต้องฟังปี่ก้อยเป็นหลัก ยิ่งหากผู้ที่เป่าปี่ก้อยเก่งๆ มีการทอดลม (ห่มลม) ให้เสียงปี่อย่างมีจังหวะก็ยิ่งจะทำให้การประสมวงเกิดความคึกคักเร้าใจมาก ฉะนั้นคนที่เป่าปี่ก้อยนั้นต้องมีความเก่งหรือชำนานพอสมควรในการขึ้นเพลงลงเพลงนั้น ปี่ก้อยจะเป็นผู้นำทั้งสิ้น

๔. ปี่เล็ก ปี่เล็กคือปี่ที่มีขาดเล็กที่สุดในชุมหรือชุดนั้น หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าปีเล็กปี่ตัด ที่เรียกว่าปี่ตัดเป็นเพราะมีเสียงเล็กเสียงแหลมสามารถตัดเสียงปี่เลาอื่นได้อย่างไพเราะยิ่ง ปี่เล็กก็มีรูทั้งหมด ๗ รูเช่นกัน การเป่าก็ใช้ปากอมหัวปี่เช่นกัน บางคนเป่าปี่ตัดใช้ปากแตะลิ้นด้านนอก เสียงปี่ออกมาไม่ชัดเจนปี่เล็กมีรูระยะถี่มากการเป่าจะใช้ข้อปลายนิ้วนับ สิ่งสำคัญผู้ที่เป่าปี่ตัดนั้นต้องใช้กลเม็ดสอดแทรกที่อ้อยอิ่ง เพื่อให้เกิดความกลมกลืนในวงปี่ชุม (ปี่จุม) รวมแล้วปี่ทุกเลาถ้าเป่าประสมวงและมีหลักการในการเป่า ก็จะทำให้ผู้ที่ได้ฟังเกิดอรรถรสในเสียงปี่ชุมนั้นอย่างมากทีเดียว

*** ข้อมูลได้รับการอนุญาตเผยแพร่ ศูนย์การเรียนรู้ซอพื้นเมือง พ่อครูอินตา เลาคำ

กลับหน้าหลัก

วิดีโอประกอบ

กลับหน้าหลัก

เสียงประกอบ

กลับหน้าหลัก