ฐานข้อมูลศิลปะล้านนา สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง | รายละเอียด

ประเภทจ้อย
ศิลปะล้านนาการจ้อย
รายละเอียด

คำว่า “จ๊อย” นี้ ในยุคนี้ จะหาฟังได้ยากมาก ความจริงจ๊อยนี้ เป็นศิลปะทางภูมิปัญญาของชาวล้านนาโดยเฉพาะสืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงบรรพชน แต่คนที่มีความช่ำชองในทำนองของจ๊อยนั้นหายากเต็มที เนื้อบทของจ๊อยนั้นไม่เหมือนกับเนื้อบทของซอต่างๆ ทั่วไป ท่อนสัมผัสของจ๊อยนั้นจะเหมือนกับบทค่าวกวี แต่ทำนองจะคล้ายทำนองแหล่กาบ หรือ กาบเรียกขวัญแบบโบราณ การที่ใครจะขับจ๊อยเป็นนั้นจะต้องผ่านการอบรมเรื่องการเก็บลมหายใจให้มากที่สุด ถ้าเป็นจ๊อยทำนองสังเวชนั้นจะต้องใช้เสียงถึงสองระดับ คือทั้งเสียงนอก และเสียงใน ต้องอ้อนเสียงให้แผ่วพริ้วเยือกเย็นที่สุด จ๊อยทำนองสังเวช หรือวิงวอนนี้ แม่บัวซอน เมืองพร้าวได้จ๊อยเอาไว้ใน บทจ๊อยเรื่อง พระคุณของแม่ และพระคุณของพ่อ

และจ๊อยอีกทำนองหนึ่ง คือ จ๊อยกะโลง (หรือจ๊อยโคลง) สำหรับจ๊อยกะโลงนี้ ก็จะมีกะโลง ๒ กะโลง ๓ และแยกเป็นกะโลง ๔ - ๕ ไป กะโลง ๒ นั้น คือ จะจ๊อยเดินคำไป ๒ ตัวแล้วมีคำสัมผัสกะโลง ๓ ก็เดินคำไป ๓ ตัวแล้วมีคำสัมผัสไป

สำหรับจ๊อยกโลงนี้ท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณมณี พยอมยงค์ ท่านได้จ๊อยถวายเรียกขวัญ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งพระองค์ท่านเสด็จมาเชียงใหม่ แต่ไม่ทราบว่าท่านได้บันทึกเสียงไว้หรือไม่ ท่านหลวงพ่อพระครูอดุลย์สีลกิตต์ิ ได้อธิบายว่าทำนองของจ๊อยมีทำนองมากมายหลายทำนอง เช่น ทำนองผาสารทสร้อย ผาสารทไหว ลมปั๊ดป๊าว(พร้าว) สะต๊กสายไหม โก่งเฮวบง วิงวอน มะนาวล่องของ เจียงแสนมะเก่าฯ

ฉะนั้นการจ๊อยทุกทำนองพร้อมทำนองกะโลงนี้ จะหาคนที่เก่งทุกทำนองแทบจะไม่มีเลย เป็นการขับจ๊อยที่คนรุ่นหลังควรค่าแก่การฝึกฝนเพื่ออนุรักษ์สืบไว้ต่อไป ข้อมูลจากพ่อหนานใจลังก๋า (จังหวัดเชียงราย) ได้เล่าว่าประวัติของจ๊อยนั้น เดิมทีมีชาวลั๊วะอยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ มีอยู่หลายกลุ่มหลายเมือง แต่มีอยู่เมืองหนึ่ง ชื่อว่าเมือง “ตาทอก” มีท้าวพญาแมนต๋าทอกปกครองเมืองอยู่ มีมเหสีชื่อ นางอุมทุมพะก๋าย เป็นชายา ครั้งหนึ่งได้มีกองทัพฮ่อมารุกรานเมืองตาทอก ท้าวพยาแมนต๋าทอกจึงได้ยกทัพออกรบต่อสู้ข้าศึก แต่โชคร้ายท้าวพยาแมนต๋าทอกถูกกองทัพฮ่อฆ่าตาย เมื่อพยาแมนต๋าทอกสิ้นพระชนม์ในสนามรบ พวกทหารลั๊วะจึงช่วยกันป้องกันแย่งนำเอาพระศพของพยาแมนต๋าทอกกลับไปเมืองลั๊วะ แต่ฮีตฮอยของชาวลั๊วะนั้นห้ามนำศพผีตายโหงเข้าเมือง ทหารจึงนำพระศพของท่านพญาแมนต๋าทอกไว้ที่นอกเมือง แล้วเข้าไปกราบรายงาน พระนางอุทุมพะก๋ายทรงทราบ เมื่อนางอุทุมพะก๋ายมาถึงก็กราบพระศพของพระสวามีพร้อมคร่ำครวญถึงการสวรรคตของพระสวามีว่า “ผัวของข้าเหย มาต๋ายตอดละหนีจากตั๋วข้านี้ ไป ต่อแต่นี้ข้าอยู่กับไผ ก๋ำเวรใดมาเป๋นดั่งอี้ ...นับว่าทำนองจ๊อยได้เริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา แล้วมีการพัฒนามาเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน เช่น

จักขอกล่าวถึงยังเมืองหนึ่งนั้นบุรีเอกอ้างปาราณะสี.....
มีองค์ต่านต๊าวจ๋อมเหง้าสะหลีปกครองบุรีธานีใหญ่กว้าง
มีมเหสีเตวีเตรียมข้างเจ็ดองค์นางหน่อจั้น
ฮู่บฮ่างร่างเสาร์งามเลาทั้งนั้นร่วมเป็นกู่ข้างชายา
ส่วนเตวีเก๊างามเลาผ่องต๋าจื่อวิมาลานามฉายาเจ้า
นางซ้ำปามารองค์คำลูกเต้าจ๋อมนงค์เยาว์เมียฮัก
ป้อเจ้าพญาต๊าวพรมตั๊ดใค่หันลูกหน้อยในครรภ์
ฮ้องโหราใจ๊ทำนายเหตุก๋ารณ์ลูกอยู่ในครรภ์สิบเดือนแล้วเจ้าฯ

*** ข้อมูลได้รับการอนุญาตเผยแพร่ ศูนย์การเรียนรู้ซอพื้นเมือง พ่อครูอินตา เลาคำ

กลับหน้าหลัก

วิดีโอประกอบ

กลับหน้าหลัก

เสียงประกอบ

กลับหน้าหลัก