|
ทำนองพม่านี้ เป็นทำนองหนึ่ง ที่เป็นทำนองซอที่ทางภาคเหนือรู้จักกันดี เป็นทำนองที่ใช้ซอบทสั้น และใช้คำสัมผัสจากท้ายจดหัว ตัวอย่างเช่น ลงท้ายด้วยสระไอก็จะต้องต่อด้วยสระไอตอนต้นของบทซออีกท่อนหนึ่งเลย
ทำนองซอพม่านี้ คงจะมาจากชาวพม่า เพราะประเทศไทยกับประเทศพม่ามีเขตแดนติดต่อกันโดยเฉพาะภาคเหนือตนบน เช่น ทางจังหวัดตาก อำเภอแม่สอด อำเภอพบพระ อำเภอท่าสองยาง ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย การถือประเพณีและวัฒนธรรมตลอดจนการนับถือศาสนาพุทธ และการเป็นอยู่ของวิถีชีวิตของชาวบ้านจะใกล้เคียงกันมาก ฉะนั้นซอทำนองพม่านี้ มีหลายร้อยปี เป็นทำนองที่แพร่หลาย เป็นที่รู้จักของชาวภาคเหนือถิ่นล้านนามาตลอด เพราะเป็นทำนองที่ฟังง่าย ทางจังหวัดน่าน ก็นิยมซอทำนองพม่าเหมือนกัน แต่ทางจังหวัดน่านจะไม่เรียกว่าทำนองพม่า แต่จะเรียกว่าทำนองซอเจ้าสุวัตรนางบัวคำ คือ จะเรียกตามชื่อเรื่องเจ้าสุวัตร การขับซอพม่าของจังหวัดน่านนั้น จะซอสั้นกว่า คือจะซอเพียงสองวรรคเท่านั้น นักขับซอเมืองน่านจะซอทำนองพม่า ก็ต่อเมื่อทางเจ้าภาพหรือแฟนขอร้องให้ซอ เรื่อง เจ้าสุวัตรนางบัวคำเท่านั้น ฟังการเดินทำนองซอพม่าทางเมืองน่านก็จะคล้ายกับทำนองพม่ารำขวาน เมื่อเปรียบเทียบกับซอทำนองพม่าทางเชียงใหม่เชียงรายนั้น จะสั้นกว่า ๒ ท่อน แต่ก็ฟังแล้วมีความไพเราะอีกแบบหนึ่งไม่แพ้กับซอทางเชียงใหม่เลย เช่น
| (ทำนองพม่า) |
| (๑.) |
| ขอยอพนม | บังคมกราบไหว้ |
| ต๋างดวงดอกไม้ | ธูปหอมมาลา |
| แด่องค์พระราจา | มหาราชเจ้า |
| ภูมิพลป้อต๊าว | จ๋อมเหง้าจักรี |
| (๒.) |
| ขอกราบทูลศรี | ใต้ฝ่าธุลีพระบาทเจ้า |
| ยอสาก่ายเกล้า | องค์พระป้อต๊าวภูมินทร์ |
| ทรงปกครองแผ่นดิน | หื้ออยู่สุขทั่วหน้า |
| ประชาไทยไพร่ฟ้า | เกิดความร่มเย็น |
| (๓.) |
| บ่เกยเกิดยุคเข็น | ทุกข์อาทรฮ้อนไหม้ |
| ทุกภาคเหนือใต้ | แผ่นดินไทยแหลมทอง |
| ทั่วไทยทั้งผอง | ขวานทองทวยราษฎร์ |
| ด้วยพระปรีชาสามารถ | ขององค์พระจ๋อมไตร |
| (๔.) |
| ไพร่ฟ้าหน้าใส | ด้วยน้ำพระทัยล้นเกล้า |
| องค์พระป้อเจ้า | ทรงคิดค้นฝนเทียม |
| ฝนขาดน้ำเขียม | ธ.บ่เกยไหวหวั่น |
| พระองค์ทรงบุ่นดั้น | เสด็จไปดู |
| (๕.) |
| เป๋นขุนเขาห้วยปู | พระบ่เกยหย่อนหย้าน |
| ทางบกทางน้ำ | ในป่าเขาเนาว์ไพร |
| พระเสโทหลั่งไหล | ธ.บ่เกยไหวหวั่น |
| สถิตตั้งหมั้น | ด้วยพระหะฤทัย |
*** ข้อมูลได้รับการอนุญาตเผยแพร่ ศูนย์การเรียนรู้ซอพื้นเมือง พ่อครูอินตา เลาคำ
|