สะพานรัษฎาภิเศก
สะพานรัษฎาภิเศก หรือ ขัวรัษฎา หรือ ขัวหลวง สร้างขึ้นในสมัยเจ้าหลวงนรนันทไชยชวลิต เจ้าผู้ครองนครองค์ที่ 12 เมื่อปี พ.ศ. 2437 เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีรัชดาภิเษกรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ท่านก็ได้พระราชทานนาม รัษฎาภิเศก ให้กับสะพานแห่งนี้ แรกสร้างเป็นสะพานไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2444 ได้พังลงเนื่องจากถูกกระแสน้ำที่ไหลบ่าพร้อมกับท่อนซุงจำนวนมากไหลมากระแทก เจ้าหลวงบุญวาทย์วงษ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครองค์ที่ 13 มีหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอพระราชทานเงินมาสร้างสะพานขึ้นใหม่เป็นครั้งที่ 2 รูปแบบเป็นสะพานไม้เสริมเหล็ก และมีพิธีเปิดใช้สะพานเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2448 โดยมีพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช เสด็จมาเป็นประธานในพิธีเปิด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 สะพานก็ได้พังลงอีกรอบ ด้วยแรงของกระแสน้ำหลากพร้อมกับการกระแทกของท่อนซุงมหาศาล วิศวกรกระทรวงคมนาคมจึงได้ถวายข้อเสนอถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า ควรทำอย่างแฟโรกอนกริตเสียทีเดียว ซึ่งพระองค์ก็ทรงเห็นด้วย เนื่องจากทรงเล็งเห็นว่าสร้างด้วยคอนกรีตนั้นจะมั่นคงถาวรในระยะยาว
การสร้างสะพานรุ่นที่สามเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2459 โดยมีพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้ควบคุมดำเนินการก่อสร้าง และมีวิศวกรของบริษัทเยอรมันนีเป็นผู้ควบคุม รูปแบบสะพานที่สร้างครั้งนี้มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กรูปทรงโค้งคันธนู 4 โค้ง ตั้งขวางเต็มลำน้ำแม่วัง สะพานสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2460 มีการตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงความเป็นมาของสะพานอยู่หลายประการ ประกอบด้วย
- เสา 4 ต้น ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวสะพานฝั่งละ 2 ต้น เปรียบเหมือนความสง่างามและความมั่นคงแข็งแรง
- พวงมาลัย อันประดับบนยอดเสาทั้งสี่ด้านของเสาทั้ง 4 ต้น เพื่อแสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
- พญาครุฑ ที่ประดับอยู่ด้านหน้าเสาทุกต้น แสดงถึงตราสัญลักษณ์แห่งแผ่นดินสยาม
- ไก่ขาว ที่ประดับตรงด้านข้างเสาทุกต้น คือสัญลักษณ์ประจำนครลำปาง
- คำว่า มีนาคม 2460 ปรากฏตรงกลางเสาด้านในทุกต้น บ่งบอกถึงวันที่สร้างสะพานแล้วเสร็จ
- คำว่า สะพานรัษฎาภิเศก ปรากฏตรงกลางคานเชื่อมโค้งสะพานคู่แรกทั้งสองฝั่ง แสดงถึงการได้รับพระราชทานนามนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อปี พ.ศ. 2463 เกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง มีท่อนซุงจำนวนมากไหลมาติดกับสะพาน ครั้นเมื่อเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตทรงตัดสินใจที่จะระเบิดสะพานทิ้ง แต่ระดับน้ำก็กลับลดลงเรื่อยๆ จึงพ้นขั้นวิกฤต ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรจะทำลายสะพาน แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชชานารี ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายสัมพันธมิตร ได้ขอยกเว้นการทำลายสะพานรัษฎาภิเศก โดยให้เหตุผลว่าจุดนี้มีเพียงทหารญี่ปุ่นที่เป็นเสนารักษ์ ทั้งยังเป็นย่านโรงพยาบาล ไม่มีผลต่อทางยุทธศาสตร์ใดๆ สะพานรัษฎาภิเศกจึงรอดพ้นวิกฤตการณ์ สามารถให้ชาวลำปางใช้สัญจรมาได้จนถึงปัจจุบันนี้
รูปภาพประกอบ
เอกสารแนบ : Download
ข้อมูล : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง