วัดดอยป่าตาล
ตามประวัติก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2264 เดิมชื่อวัดม่อนวัวนอน หรือวัวดอยม่อนวัวนอน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเถิน มีตำนากล่าวว่า ในอดีตชาติของพระโพธิสัตว์ ปางเสวยพระชาติเป็นพญาวัว อุสุภราช อันกำเนิดแก่พ่อวัวแม่วัวแดง โดยได้อาศัยทางทิศตะวันออกของแม่น้ำวัง ได้รอนแรมมาสู่ทิศตะวันตกของแม่น้ำวัง ซึ่งเป็นดอยอันร่มเย็น อันเป็นที่อาศัยของบรรดาสัตว์นานาชนิด โดยแม่วัวเคยพาพระโคอุสุภราชมานอน จึงได้ชื่อว่า ม่อนวัวนอน คนโบราณจึงเรียกว่าวัดดอยม่อนวัวนอน ต่อมาภายหลังพระเถระจันทร์ ศิษย์ของพระมหาสังฆเถระอาทิตย์ ได้พบหลาบเงินและผอบทองคำโดยบังเอิญขณะที่ท่านเก็บสมุนไพร จึงมีการสร้างองค์เจดีย์ไว้บริเวณนั้น และโดยตำนานกล่าวต่อว่าจะมีนักบุญเดินทางมาจากทางทิศอุดร มาทำการบูรณะวัดดอยป่าตาลให้เป็นปูชนียสถานสืบต่อไป
ในปี พ.ศ. 2471 ครูบาเจ้าศรีวิชัย หรือครูบาศีลธรรม ท่านได้นำคณะสานุศิษย์และคณะศรัทธาในอำเภอเถินและอำเภอใกล้เคียงร่วมกันสร้างสิ่งต่างๆ ณ วัดดอยป่าตาล เช่น วิหาร เจดีย์ โดยที่ในเวลาต่อมากรมศิลปากรได้ขึ้นบัญชีไว้ว่าเป็นโบราณสถานแห่งชาติในปี พ.ศ. 2477 โดยได้ถือว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเถินมานาน และในทุกปีจะมีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ประชาชนจะพร้อมใจกันไปนมัสการและสรงน้ำพระธาตุวัดดอยป่าตาลเป็นประจำทุกปี จึงถือเป็นประเพณีสรงน้ำพระธาตุวัดดอยป่าตาลสืบมาจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจ
วิหาร มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบล้านนาสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นฝีมือเชิงช่างของท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา แผนผังของหลังคาไม่มีการซ้อนชั้น กล่าวคือ โครงสร้างของหลังคาตลอดช่วงอาคารยาวเป็นผืนเดียวไม่มีการลดระดับชั้นของหลังคาเหมือนในยุคโบราณ หน้าบันวิหารตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นประดับกระจกเติมพื้นที่หน้าบันแบบภาคกลาง ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมในสมัยครูบาศรีวิชัย ก่อฝาผนังปิดทั้งสี่ด้าน มีช่องประตูด้านหน้าและช่องหน้าต่างบริวารซ้าย – ขวา ของอาคาร ภายในประดิษฐานองค์พระประธานที่ก่อด้วยอิฐถือปูน ธรรมมาสทรงปราสาท และสัตตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับเป็นฐานตั้งเทียนจุดถวายพระรัตนตรัย
พระเจดีย์ องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของวิหาร ซึ่งเป็นลักษณะทีพิเศษกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ เนื่องจากปกติตำแหน่งขององค์เจดีย์จะตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของวิหาร ลักษณะทางศิลปกรรมขององค์เจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงล้านนาที่มีฐานเขียนสี่เหลี่ยม 3 ชั้น ซ้อนลดหลั่นเป็นฐานล่างรองรับฐานปัทม์ ต่อด้วยฐานเขียงกลมซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น รองรับชุดฐานปัทม์ทรงกลมที่ซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น ถัดสูงขึ้นไปเป็นชั้นองค์ระฆังที่รองรับฐานบัลลังก์ ต่อขึ้นไปเป็นชุดปล้องไฉน ปลียอด และยอดฉัตรเป็นชุดสูงสุดขององค์เจดีย์
การประดับตกแต่งตั้งแต่องค์ระฆังขึ้นไป มีการประดับตกแต่งด้วยการปิดกระจกเกรียบสีเหลืองทอง ซึ่งทำให้องค์เจดีย์มีความสวยงามที่โดดเด่น ประกอบกับตำแหน่งที่ตั้งอยู่บนม่อนดอย จึงทำให้สังเกตเห็นองค์เจดีย์ได้ตั้งแต่ระยะไกล หอธรรม มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งอยู่ด้านหลังของวิหาร ชั้นล่างเป็นอาคารสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน เจาะช่องประตูด้านหน้า 1 ช่อง ด้านข้างซ้าย – ขวา เจาะช่องหน้าต่างเพื่อถ่ายเทอากาศและรับแสงด้านละ 3 ช่อง ส่วนชั้น 2 เป็นอาคารไม้ ภายในมีตู้เก็บพระธรรมขนาดใหญ่ว่างไว้ตรงกลางอาคาร โดยสร้างติดกับตัวอาคารอย่างถาวร ในตู้มีการเก็บคัมภีร์ใบลานที่เขียนเป็นตัวอักษรล้านนา ปัจจุบันเหลืออยู่จำนวนกี่ผูก
รูปภาพประกอบ
เอกสารแนบ : Download
ข้อมูล : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง