กลับไปก่อนหน้า

วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่และสำคัญคู่เมืองนครลำปางมาตั้งแต่สมัยอดีต วัดตั้งอยู่บนเนินดินสูงภายในเมืองโบราณเวียงพระธาตุลำปางหลวง ลักษณะเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงล้อมรอบ 3 ชั้น คูน้ำ 2 ชั้น มีประตูเมืองหลายประตู มีปรากฏชื่อเรียก 3 ชื่อ คือ ประตูหนองงูทางด้านตะวันตก ประตูลับแลทางมุมเมืองด้านทิศใต้ตอนที่กำแพงเมืองด้านตะวันตกและด้านใต้มาต่อกัน และประตูดอกไม้ทางด้านใต้ซึ่งเป็นทางเข้าสู่บริเวณวัดพระธาตุลำปางหลวง ตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบตอนลาดลงสู่แม่น้ำวังทางด้านตะวันออก โดยรอบเมืองเป็นที่ราบลุ่มมีลำน้ำสำคัญ คือ ลำน้ำแม่ตาล และแม่แก้ ภายในเมืองมีบ่อน้ำกลางเมือง เรียกว่า บ่อน้ำเลี้ยง ซึ่งเป็นบ่อน้ำโบราณ และซากโบราณสถานหลายแห่ง

ตามตำนานพระธาตุลำปางหลวงได้กล่าวถึงสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับนั่งอยู่บนม่อนดอยของหมู่บ้านลำปางหลวง และมีชายผู้หนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน มีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ได้นำเอาน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้าง มะพร้าวและมะตูมมาถวาย หลังจากที่พระองค์ได้ฉันแล้ว ทรงทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือแล้วทรงพยากรณ์ว่าสถานที่นี้ต่อไปจักมีผู้มาสร้างเมืองชื่อว่า ลัมภะกัปปะนคร ภายหลังที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานไปแล้ว 218 ปี พระยาศรีธรรมโศกราชได้ให้พระกุมารกัสสปะเถรเจ้า กับพระเมฆิยะเถรเจ้า อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าส่วนพระศอมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์เมืองลัมภะกัปปะนคร เมื่อกาลเวลาผ่านไปองค์พระเจดีย์ได้ชำรุดทรุดโทรมลง พระเจ้าจันทรเทวราช เจ้าเมืองสุวรรณภูมิทราบข่าวว่ามีพระบรมธาตุประดิษฐานอยู่ในพระเจดีย์ จึงเกณฑ์ไพร่พลมาขุดเอาไปประดิษฐานไว้ที่เมืองสุวรรณภูมิ และทำการสมโภช ซึ่งพระบรมธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ โดยปรากฏเป็นลำแสงลอยขึ้นฟ้าแล้วหายไป พระเจ้าจันทรเทวราชทรงติดตามมาจนถึงเมืองลัมภะกัปปะนคร พระพระบรมธาตุอยู่ในพระเจดีย์ดังเดิม ทรงโปรดฯ ให้ขุดแต่งเจดีย์พร้อมก่อพระเจดีย์ครอบไว้อีกชั้นหนึ่ง ต่อมาในปี พ.ศ. 1955 พระนางจามเทวีได้มาสักการะพระบรมธาตุ และอธิษฐานจิตขอน้ำอันเป็นเรื่องราวการกำเนิดของบ่อน้ำเลี้ยงหลังวัด

ครั้นถึงปี พ.ศ. 1992 เจ้าหาญแต่ท้อง ราชบุตรของเจ้าหมื่นด้งนคร ผู้ครองเมืองลำปาง ได้สร้างพระเจดีย์ครอบพระบรมธาตุด้วยอิฐโบกปูน ฐานกว้าง 9 วา สูง 15 วา พร้อมกับสร้างหอพระพุทธบาทขึ้นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระเจดีย์ ต่อมา พ.ศ. 2019 เจ้าหมื่นคำเป็กได้บูรณะวัดพระธาตุลำปางหลวง โดยสร้างวิหารหลวงและพระกำแพงแก้วรอบเขตพุทธาวาส พร้อมทั้งหล่อพระพุทธรูปขึ้น

ถัดนั้นมาปี พ.ศ. 2036 เจ้าหาญศรีธัตถะมหาสุรมนตรี ผู้ครองเมืองลำปางได้บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น คือมีฐานกว้าง 12 วา สูง 21 วา ประดับองค์เจดีย์ด้วยแผ่นทองจังโก และหล่อพระเจ้าล้านทอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2145 พระยาหลวงนครชัยบุรี ร่วมกับพระสงฆ์และเสนาอำมาตย์ สร้างฉัตรประองค์พระธาตุ มาถึงปี พ.ศ. 2262 พระมหาวนาสี วัดไหล่หินร่วมกับพระมหาปัญโญ วัดป่าตัน ได้หล่อทองคำใส่ยอดพระมหาธาตุ

ในปี พ.ศ.2275 เกิดเหตุการณ์สำคัญของเมืองลำปางเกิดขึ้นในวัดพระธาตุลำปางหลวง คือการสู้รบของหนานทิพย์ช้างกับท้าวมหายศ แม่ทัพชาวพม่าจากเมืองลำพูน ซึ่งในการรบครั้งนั้นหนานทิพย์ช้างเป็นฝ่ายชนะและได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าเมืองนครลำปาง ท่านยังเป็นต้นตระกูลของเจ้านายฝ่ายเหนืออันได้แก่ ณ ลำปาง ณ ลำพูน ณ เชียงใหม่ และเชื้อเจ้าเจ็ดตน นับแต่นั้นเป็นต้นมาผู้สืบสกุลจากเจ้าหนานทิพย์ช้างจึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมวัดพระธาตุลำปางหลวงเรื่อยมา ในปัจจุบันยังปรากฏรอยกระสูนปืนของการยิงต่อสู้อยู่บนรั้วสำริดล้อมองค์พระธาตุเจดีย์ของวัดพระธาตุลำปางหลวงอย่างชัดเจน

สิ่งที่น่าสนใจ

พระธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ก่ออิฐถือปูนทรงกลมแบบล้านนาผสมทรงลังกา มีฐานกว้างด้านละ 24 เมตร สูง 45 เมตร และมีกำแพงแก้วเป็นเสาสำริดยอดดอกบัวล้อมเป็นรูปจัตุรัส นอกนี้องค์เจดีย์ยังบุด้วยแผ่นทองแดงปิดทอง หรือที่ทางล้านนาเรียกว่า ทองจังโก บางแผ่นมีการดุนลวดลายแบบต่างๆ ประดับตามองค์พระธาตุ ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ คือพระอัฐิธาตุพระนลาภข้างขวา และอัฐิธาตุลำคอของพระพุทธเจ้า ในทุกๆ ปีจะมีงานสมโภชและสรงน้ำองค์พระธาตุขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 หรือภาษาล้านนาเรียกว่า ยี่เป็ง

ในแง่คตินิยมของชาวล้านนาแล้ว พระธาตุลำปางหลวงแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีของผู้ที่เกิดปีฉลู คาถาที่ใช้สวดนมัสการพระธาตุ คือ ยาปาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง ปะติฏฐาลัมภะกัปปะปุเร เทเวนะคุตตา อุตตะราภิทัย ยานะมามิ หันตัง วะระ ชินะธาตุง

วิหารหลวง เป็นวิหารประธานของวัด วางผังให้อยู่ในแนวเดียวกับประตูโขงและเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2019 โดยเจ้าหมื่นคำเป็ก ลักษณะของตัววิหารเป็นวิหารโถงทรงล้านนา การหลดหลั่นของชั้นของหลังคาอยู่ในรูปแบบลดหน้า 3 ชั้น หลัง 2 ชั้น กว้างประมาณ 17 เมตร ยาวประมาณ 36 เมตร มีเสาทั้งหมด 36 ต้น ภายในวิหารประดิษฐ์พระเจ้าล้านทอง ซึ่งประทับในซุ้มมณฑปปราสาททอง ตามผนังฝาย้อยของวิหารมีการเขียนงานจิตกรรมเล่าชาดก เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ พระเวสสันดร และพระเจ้าสิบชาติ

วิหารน้ำแต้ม เป็นวิหารที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือขององค์พระธาตุเจดีย์ ลักษณะโดยทั่วไปของวิหารเป็นวิหารโถง สร้างด้วยเครื่องไม้ มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 8 เมตร ยาวประมาณ 22 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยเจ้าหาญศรีธัตถะ ประมาณปี พ.ศ. 2044 ความสำคัญของวิหารน้ำแต้มคือเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 45 นิ้ว สร้างในสมัยเจ้าหาญศรีธัตถะ ภายในวิหารมีภาพเขียนจิตรกรรมบนพื้นดินสอพอง เรื่องเท้าสักกะและพระนางสามาวดี ซึ่งขณะนี้ลบเลือนไปมากแล้ว ( เข้าใจกันว่ามีภาพเขียนบางส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของภาคเหนืออยู่ในวิหารแห่งนี้ ) คาดว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นงานศิลปะในสมัยของพระเจ้าติโลกราช ล่าสุดทางกรมศิลปากรได้ทำการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2531 ซุ้มประตูโขงและบันไดนาคด้านหน้า โดยซุ้มประตูโขง เป็นงานฝีมือของช่างหลวงที่สวยงามอยู่ในสภาพที่ดีก่อสร้างด้วยอิฐถือปูน ทำเป็นซุ้มประตูยอดแหลมเป็นชั้นแต่ละชั้นมีซุ้ม 4 ทิศ ประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างประณีต ถือว่าเป็นการสร้างซุ้มทรงปราสาทแบบกู่ที่แสดงถึงอิทธิพลของปราสาทแบบทวารวดีตอนปลาย ประตูโขงแห่งนี้ยังมีความสำคัญในฐานะที่ถูกเลือกใช้ให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลำปางในตราประจำจังหวัดลำปางอีกด้วย อนึ่งซุ้มประตูโขงแห่งนี้ได้รับการบูรณะโดยกรมศิลปากร คือขุดปูนสีขาวที่ทาพอกทับมาเป็นเวลานานออกจนมองเห็นผิวเดิมของซุ้ม ทำความสะอาดและเคลือบน้ำยากันเชื้อรา ทำให้ลวดลายของซุ้มคมชัดสวยงามขึ้น สำหรับบันไดขึ้นด้านหน้าของวัดทั้งสองฝากได้รับการออกแบบให้เป็นรูปมังกรคาบพญานาค ตรงเชิงบันไดประดับด้วยรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่ 2 ตัว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเจ้าหอคำดวงทิพย์ เจ้าผู้ครองนครลำปาง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2331

หอพระพุทธบาท เป็นสถาปัตยกรรมก่ออิฐ รูปทรงสี่เหลี่ยมคล้ายฐานเจดีย์ กว้างประมาณ 9.50 เมตร สร้างขึ้นในสมัยเจ้าหาญแต่ท้อง ประมาณปี 1992 โดยครอบรอยพระพุทธบาทไว้

วิหารพระพุทธ เป็นวิหารบริวารอีกหลังหนึ่งตั้งอยู่ด้านทิศใต้ของพระธาตุเจดีย์ คู่กับวิหารน้ำแต้ม ตัววิหารเป็นอาคารปิดทึบขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 25 เมตร หน้าบันไดมีขนาดใหญ่ โครงสร้างอาคารกับผนังบางส่วนเป็นไม้ล้วน มีแต่ผนังที่ติดดินซึ่งใช้อิฐฉาบปูน ภายในวิหารมีรูปอาคารเป็นกลุ่มก้อน และเป็นที่ประดิษฐานพระประธานแบบเชียงแสนองค์ใหญ่น้อยประดิษฐานอยู่เต็มอาคาร พระพุทธรูปที่สำคัญ คือพระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 40 นิ้ว

รูปภาพประกอบ

เอกสารแนบ : Download

ข้อมูล : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง