กลับไปก่อนหน้า

ของดี อำเภอวังเหนือ

น้ำตกวังแก้ว

...น้ำตกวังแก้ว ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง มีชั้นน้ำตกประมาณ 102ชั้น แต่เป็นชั้นใหญ่ 9 ชั้น เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของน้ำตกจะพบหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้าที่บ้านป่าคาหลวง และบ้านส้าน ซึ่งมีทางขึ้นค่อนข้างชัน ที่น้ำตกวังแก้วยังมี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำทาง พื้นที่ของน้ำตกวังแก้วอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยหลวงซึ่งได้รับการประกาศ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2533 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยา เชียงรายและลำปาง รวมเนื้อที่ประมาณ 731,250 ไร่ สภาพภูมิประเทศเป็นเขาสูงทอดตัวแนวเหนือใต้ มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้นและป่าเต็งรังปะปนกัน มีสัตว์ป่าและนกหลายชนิด ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่บริเวณน้ำตกวังแก้ว

โดย : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

คลิกเพื่อดู


วัดบ้านก่อ

...วัดบ้านก่อสร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2442 โดยมีพระยาวิชัย วิชโย เป็นผู้นำในการก่อสร้างและท่านได้เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก วัดแห่งนี้เป็นศูนย์ร่วมทางจิตใจของชาวบ้านก่อ บ้านต้นฮ่าง และบ้านป่าฝาง ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดขึ้นโดย หลวงพ่อคำป้อ ในปี พ.ศ.2484 ท่านได้วาดเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ พุทธประวัติ พรหมจักร พระเตมิยะ พระเวสสันดร พระมาลัย และค่าวหงส์หิน จิตรกรรมที่วาดขึ้นนั้นเป็นทั้งชาดกที่ปรากฏในพระไตรปิฎก หมวดพระสุตตันตปิฎก และชาดกนอกนิบาต หรือนิทานพื้นบ้านอ้างอิงกับชาดก ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านว่า หลวงพ่อคำป้อจะวาดภาพตามจิตนาการ ซึ่งได้ศึกษามาจากพระคัมภีร์ใบลาน ในแต่ละภาพจะมีศิลปะที่โดดเด่นและการซ่อนเร้นไปด้วยการละเล่น วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นในยุคนั้น เช่น การแต่งกายของคนยุค 60 การใช้จักรยาน การขับรถยนต์ รถม้า เป็นต้น ทำให้ภาพวาดเกิดความสนุกสนานมีชีวิตชีวา

โดย : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

คลิกเพื่อดู


วัดทุ่งฝูง

...วัดทุ่งฝูงสร้างเมื่อ พ.ศ.2400 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2532 วิหารวัดทุ่งฝูงมีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่นโดยเฉพาะในเขตอำเภอวังเหนือ สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2400 ถึงปัจจุบันมีการบูรณปฏิสังขรณ์ 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2505 และการบูรณะครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.2533 โดยพระอธิการศรีวงศ์ อภิวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสและนายปั๋น ผ่องใส เป็นไวยาวัจกรณ์ สำหรับการบูรณะในครั้งที่ 2 นี้ ได้มีการเปลี่ยนหลังคาวิหาร จากแป้นเกล็ดเป็นกระเบื้องลอนคู่เล็ก ฉาบผนังด้านนอกและเทพื้นภายในพระอุโบสถ ซึ่งยังคงรักษาลักษณะวิหารที่มีมาแต่เดิมเอาไว้ สำหรับการบูรณะครั้งที่ 3 เนื่องจากมีสาเหตุเกิดจากพายุลูกเห็บ ทำให้กระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย ท่านเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัด จึงได้ทำการบูรณะ โดยได้ เปลี่ยนหลังคาที่มุงกระเบื้องลอนคู่กลับมามุงด้วยแป้นเกล็ดดังเดิม และได้ทาสีหน้าต่าง ประตู และและหน้าบันวิหาร โดยยึดรูปแบบเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด

โดย : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

คลิกเพื่อดู